เพื่อให้ผู้ประกอบการรู้จักความหมายและความสำคัญของการจดทะเบียนโดเมนเนม (Domain name) รวมไปถึงเทคนิคในการตั้งชื่อโดเมนเนมเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้สำหรับการตั้งชื่อโดเมนเนมของเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของตนได้
Domain name มีความสำคัญเปรียบเสมือนชื่อของเจ้าของสินค้า หรือชื่อบริษัท เนื่องจากในโลกออนไลน์ ลูกค้าจะไม่จดจำชื่อเจ้าของสินค้าหรือชื่อบริษัท แต่จะใช้ โดเมนเนมในการเรียก และเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ ปัจจุบันการจดโดเมนเนม มีทางเลือกทั้งแบบโดเมนเนมจริง และเป็น subdomain ซึ่งแตกต่างกันคือ โดเมนเนมจริง จะเป็น ชื่อตามด้วยนามสกุล เช่น abc.com โดยสามารถตั้งชื่อและจดทะเบียนกับผู้ให้บริการได้หากโดเมนเนมไม่ซ้ำกับที่มีผู้จดทะเบียนไปแล้ว การตั้งชื่อโดเมนเนมใช้อักษรภาษาอังกฤษ a-z โดยไม่คำนึงว่าเขียนด้วยตัวใหญ่หรือตัวเล็ก ใช้ตัวเลข 0-9 และ ใช้ - ได้เท่านั้น (การเข้าสู่เว็บไซต์ abc.com จะพิมพ์ว่า ABC.com หรือ AbC.com ก็ได้ จะเข้าสู่เว็บไซต์เดียวกัน)
แนวทางการตั้งชื่อโดเมนเนม มีดังนี้
1. ชื่อแสดงความเป็นธุรกิจ และ keyword (คีย์เวิร์ดคือ สิ่งที่ลูกค้าต้องการ เช่น ชื่อสินค้าบริการ) ตัวอย่างเช่น www.tourkrabi.com แสดงความเป็นธุรกิจทัวร์โดยเน้นไปที่จังหวัดกระบี่อย่างชัดเจน หรือ www.weddingthai.net แสดงให้เห็นธุรกิจเกี่ยวกับงานแต่งงาน แม้ว่าจะยังบอกไม่ได้ว่าเป็นการให้บริการด้านงานแต่งงาน หรืออาจจะเป็นให้บริการถ่ายรูปแต่งงาน หรือแม้แต่บริการหาคู่ แต่ก็อยู่ในธุรกิจนี้ การมีชื่อที่แสดงความเป็นธุรกิจช่วยให้ลูกค้าเว็บไซต์จดจำได้ง่าย และมีโอกาส click เลือกจากหน้า Search Engine ได้มากกว่าชื่อโดเมนเนมที่ไม่มีความเป็นธุรกิจ อย่างไรก็ตามการใช้ชื่อโดเมนเนมลักษณะนี้มีข้อเสียคือ ไม่มีความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นจึงสามารถถูกลอกเลียนแบบได้ง่ายเช่นอาจจะมีคุ่แข่งจดโดเมนเนม www.tourthaikrabi.com หรือ www.krabitour.com หรือ www.travelkrabi.com และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น เจ้าของเว็บไซต์กลุ่มหนึ่งจึงหลีกเลี่ยงที่จะใช้ชื่อแสดงความเป็นธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียวในการจดโดเมนเนม
2. สร้าง Brand แสดงความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ เจ้าของเว็บไซต์ที่หลีกเลี่ยงการจดชื่อโดเมนเนมที่แสดงความเป็นธุรกิจเพียงอย่างเดียว จะมาใช้ชื่อที่สร้าง Brand และแสดงความเป็นเอกลักษณ์ เช่น www.krabicosmo.com , www.ghousehuahin.com , www.tobestudio.net ในกรณีนี้ ถ้าลูกค้าเว็บไซต์จดจำเอกลักษณ์ของชื่อโดเมนเนมได้ เช่น จำได้ว่า มีคำว่า cosmo อยู่ในชื่อคุ่กับ krabi ก็มีโอกาสที่จะกลับมาที่เว็บไซต์นั้น ๆ มากขึ้น เหมือนกับที่ร้าน 7-eleven ตั้งชื่อร้านว่า 7-eleven โดยไม่ใช้ชื่อว่า ร้านสะดวกซื้อ หรือ convenient store
3. จดจำง่าย ออกเสียงง่าย สะกดง่าย หากสามารถตั้งชื่อโดเมนเนมให้สั้นได้มากที่สุด จะทำให้จดจำได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม ชื่อโดเมนเนมที่ประกอบด้วยพยัญชนะภาษาอังกฤษ 2 หรือ 3 หรือ 4 ตัว และนามสกุล dot com ได้ถูกจดไปหมดแล้ว เช่น aa.com , ab.com , abc.com , mno.com , abcd.com , wxyz.com, minz.com etc จึงไม่จำเป็นต้องหาชื่อโดเมนเนมดังกล่าว ยกเว้นใช้นามสกุลอื่น เจ้าของเว็บไซต์ควรพิจารณาโดเมนเนมที่มีชือ 5 ตัวขึ้นไป การสะกดชื่อควรเป็นมาตรฐานทั่วไป เช่น www.thaibusiness.com ถ้าชื่อถูกจดไปแล้วและเจ้าของเว็บไซต์ต้องการใช้ thaibuziness.com ก็ต้องพิจารณาว่าธุรกิจของตนตรงกับธุรกิจของ thaibusiness.com หรือไม่ หากตรงกัน มีโอกาสที่จะทำให้ลูกค้าเข้าสู่เว็บของผู้อื่นได้อย่างน่าเสียดาย อนึ่งลูกค้าเว็บไซต์โดยทั่วไปอาจจะตั้งข้อสังเกตถึงความไม่น่าเชื่อถือของโดเมนเนมที่เขียนผิดจากปกติ
สำหรับการตั้งชื่อออกเสียงเป็นภาษาไทย ต้องระวังการเขียนให้ง่ายที่สุด เช่น www.sanook.com หรือ www.kapook.com หากไม่มั่นใจว่าลูกค้าจะสะกดถูกต้องจดโดเมนเนมไว้หลายแบบและนำเข้าสู่เว็บไซต์เดียวกัน เช่น www.BaanThai.com , www.BanThai.com (บ้านไทย) เป็นต้น แม้แต่ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษแต่ออกเสียงคล้ายกัน ก็ต้องระวังการสะกด และจดโดเมนเนมไว้หลายแบบเช่นกัน เช่น www.ReadyPlanet.com และ www.LadyPlanet.com ก็จะเข้าสู่เว็บไซต์เดียวกันคือผู้ให้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูป
4. ไม่ copy เลียนแบบเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง เช่น ไม่ตั้งชื่อโดเมนเนมว่า www.AmazonThaiBook.com เพราะมีโอกาสโดนฟ้องร้องสูงมากเนื่องจากทำธุรกิจเดียวกับเว็บไซต์หลักคือ Amazon.com นอกจากนั้น ภาพลักษณ์ของโดเมนเนมที่เลียนแบบยังขาดความน่าเชื่อถือ
5. ไม่ยาวเกินไป หากชื่อยาวต้องจดจำง่าย เช่น www.OpenWorldThailand.com, www.GoodRateHotel.com , www.FlowerHandmade.com จะเห็นได้ว่า ชื่อเว็บไซต์แม้จะยาวแต่ประกอบด้วยคำภาษาอังกฤษที่จำง่ายเช่น Thailand , Handmade ซึ่งประกอบกันแล้วทำให้ชื่อยาว แต่เข้าใจง่าย อย่างไรก็ตามการประกอบกันยาวเกินไปก็ยังไม่นับว่าเป็นชื่อที่ดีนัก เช่น www.TheBestFlowerHandmadeInThailand.com ก็นับว่ายาวเกินไป
6. ระวังเรื่อง - (Hyphen) หรือการเติม S หากต้องการจดชื่อที่มี S หรือใช้สัญญลักษณ์ - ดังกล่าว ต้องพิจารณาว่า เว็บไซต์อื่นที่จดทะเบียนไปแล้วและไม่มีสัญลักษณ์ทำธุรกิจเดียวกันกับเราหรือไม่ ถ้าใช่ มีโอกาสเกิดความสับสนแก่ลูกค้า ทางออกที่ดีคือ จดโดเมนเนมทั้งที่มีและไม่มี s ไว้ด้วย เช่น www.ReadyPlanet.com และ www.ReadyPlanets.com ก็จะเข้าสู่เว็บไซต์เดียวกันคือผู้ให้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูป ส่วนชื่อที่มี - หากไม่จำเป็นไม่ควรใช้ และต้องพิจารณาว่าเว็บไซต์ที่ใช้ชื่อแบบไม่มี - ทำธุรกิจเดียวกับเราในประเทศของเราหรือไม่ ถ้าใช่ ยิ่งไม่ควรใช้ชือทีมี - อย่างยิ่ง
7. ชื่อแสดงความน่าเชื่อถือ ลูกค้าเว็บไซต์โดยเฉพาะด้านธุรกิจย่อมต้องการความน่าเชื่อถือก่อนจะตัดสินใจทำธุรกรรมต่าง ๆ ด้วย ดังนั้น ไม่ตั้งชื่อที่แสดงความเป็นเล่น ๆ ยกเว้นเป็นเว็บ content หรือ social ที่ต้องการภาพลักษณ์ที่สบาย ๆ เช่น ระวังถ้าต้องการตั้งชื่อว่า AccountantKukKik.com (กุ๊กกิ๊ก) จะขัดกับภาพลักษณ์ที่ต้องการความจริงจังในการทำธุรกิจ
8. ตั้งชื่อที่ไม่มีความหมายได้ หากชื่อนั้นจดจำง่าย และเจ้าของเว็บไซต์มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่องได้ ตัวอย่างเว็บไซต์ต่างประเทศที่ชื่อไม่มีความหมายแต่ประสบความสำเร็จมีมากมาย เช่น www.google.com , www.ebay.com , www.yahoo.com เป็นต้น
นามสกุลของเว็บไซต์ แบ่งได้เป็นหลายกลุ่มคือ .com .net .org .biz .info .co.th .go.th .gov .tv .asia
.net (.net = Network) ใช้สำหรับเว็บไซต์ขององค์กรใด หรือบริษัทใด ที่ทำงานเกี่ยวกับเครือข่าย หรือ Network .org (.org = Organization) ใช้สำหรับเว็บไซต์องค์กรที่ไม่หวังผลกำไร เช่น สมาคม หรือมูลนิธิ .biz (.biz = Business) ใช้สำหรับเว็บไซต์ขององค์กรที่เกี่ยวกับธุรกิจการค้า .info (.info = Information) ใช้สำหรับเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลเป็นหลัก .edu (.edu = Education) ใช้สำหรับเว็บไซต์ของสถาบันการศึกษา .gov (.gov = Government) ใช้สำหรับเว็บไซต์ของรัฐบาล .mil (.mil = Military) ใช้สำหรับหน่วยงานทางทหาร - ในกรณีที่ไม่ต้องการมี domain name เป็นของตัวเอง สามารถใช้ sub domain name แทนได้ เช่น abc.domainservice.com - ในกรณีนี้ เจ้าของ domain name คือ domainservice.com แต่เปิด sub domain name ให้กับเจ้าของเว็บไซต์ใช้ในชื่อ abc ซึ่งวิธีนี้มีข้อดีคือ มักไม่เสียค่าบริการ เนื่องจากเจ้าของโดเมนเนม เปิดให้ใช้ฟรี แต่มีข้อเสียคือไม่ได้เป็นเจ้าของชื่ออย่างแท้จริง เพราะเป็นส่วนหนึ่งของโดเมนเนมเจ้าของ ย้ายผู้ให้บริการเว็บไซต์ไม่ได้ ไม่สามารถนำเชื่อโดเมนเนมนี้ไปใช้กับผู้ให้บริการเว็บไซต์รายอื่น ชื่อจะถูกยกเลิก เมื่อโดเมนเนมจริงถูกยกเลิก sub domain มักอยู่รวมกันใน Server หนึ่ง ไม่มีการบริหาร bandwidth อาจเกิดปัญหากับเว็บไซต์ด้านความเร็วและเสถียรภาพ มีโอกาสติดอันดับใน search engine น้อยกว่า มี features และ พื้นที่ใช้งานน้อย ขึ้นกับเจ้าของ domainname ให้บริการอาจไม่รับผิดชอบคุณภาพการบริการ แสดงโดเมนเนมที่ใกล้เคียงกับที่ต้องการ และแสดงผลว่ายังว่างหรือไม่ว่าง > ผลการตรวจสอบโดเมนเนมที่ต้องการ....
ขอบคุณ : คุณบุรินทร์ เกล็ดมณี www.ReadyPlanet.com
|
วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
เทคนิคการจด Domain Name
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น